อาการBurn Out(เบิร์น เอ๊าต์)
เป็นได้กับใครบ้าง???
.
.
อาการเบิร์นเอ๊าต์ สามารถเป็นได้กับทุกคนที่
มีงานล้นเกินไป หรือ มีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ
โดยกลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุดมักเกิดจากวงการแพทย์ก่อน
เพราะชีวิตแพทย์ พยาบาลหลับยังไม่สนิทดี
ก็ถูกปลุกไปทำงานต่ออีกแล้ว
.
หรือนักศึกษาที่ติดเกม อ่านหนังสือดึกๆ
นอนได้งีบนึงก็ต้องตื่นไปเรียน ไปสอบ
.
หรือคนทำงานไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิต
คนที่ทำงานในโรงงาน ที่ทำงานเกินตัว
โดยมิได้นอนเต็มอิ่มนานพอ
.
เจ้าของกิจการที่วันๆคิดแต่เรื่องงาน
ทำให้ทำงานหนักเกินไป จนไม่มีเวลาส่วนตัว
.
เมื่อไหร่ที่ไม่สามารถออกจากสภาพแวดล้อมนี้ได้
ก็จะเริ่มอาการเบิร์นเอ๊าต์ หรือเกิดอารมณ์เศร้าๆได้
อาการที่เห็นได้ชัดที่อยากให้สังเกตตนเองคือ อ่อนเพลีย
หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ สับสน สมาธิสั้น
ปวดหัว ปวดท้อง หายใจกระชั้น
หรือตื่นตระหนกง่ายบ้างรึเปล่า
จนบางคนถึงขั้นเห็นที่ทำงาน แล้วแรงจะหมดก๊มี
.
หากมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้ทำ 3 T คือ
? Take a Break หยุดพักจากการทำงานบ้าง
หากเป็นเยอะ อาจจะลาพักร้อนบ้าง
หากเป็นน้อยให้เริ่มพักซัก 20 นาทีแล้ว
กลับมาทำงานต่อ
.
? Take a Nap งีบนอน พักสายตา พักสมอง
ซัก 5 - 15 นาที ในช่วงบ่ายๆหลังทานข้าว
เพื่อให้ร่างกายได้สดชื่นตลอดทั้งวัน
.
? Time Management แบ่งเวลาระหว่างงานกับส่วนตัวให้ดี
หากคิดว่างานล้น อาจจะกระจายบางงานให้คนอื่นทำแทน
หรือปฏิเสธบางงานออกไปบ้าง
.
เพียงแค่ทำ 3 T เราก็จะเริ่มห่างจากอาการBurn Outแล้ว
แถมยังมีพลังในการทำงานเพิ่มด้วย
.
#ภาวะหมดไฟหมดใจในการทำงาน
#กระตุ้นการทำงาน
#พบกันเจ็ดโมงเจ็ดนาทีเพจTrainerSunnyพลังความคิดดีๆเพื่อคุณ
#Energizer
#TrainerSunny