Online Vs Offline ดีกว่ากัน?

หลายบริษัทเริ่มกลับมาจัดอบรมOffline บ้างแล้ว
แต่ก็ยังมีบางบริษัทที่พอได้จัด 
Online ในช่วงโควิดแล้วติดใจ
.
โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าทั้งออนไลน์และออฟไลน์
มีข้อดี ข้อเสียกันคนละแบบ
อยู่ที่ว่าเราอยากได้ผลลัพธ์แบบไหน
และให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรมากกว่ากัน
.
.

.
ในฐานะผู้รับจ้าง(รายวัน)แบบเรา
ก็ปรับตัว ปรับกิจกรรม ปรับรูปแบบการสอน
ตามที่ลูกค้าอยากได้ สิ่งไหนไม่เป็นก็เรียน
หัดทำให้เป็น เรื่องไหนดีอยู่แล้วก็ลอง
ขยายกรอบให้มันได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์
.
.

ข้อดีของออนไลน์(ในมุมที่ตนเองทำมา)
หากใครเห็นต่างหรือมีเพิ่ม เสริมได้นะคะ

-> หากบริษัทมีพนักงานเยอะ มีหลายสาขา
การอบรมแบบออนไลน์จะทำให้ประหยัดเรื่อง
ค่าเดินทาง ค่าสถานที่จัดงาน ค่าเบรก ค่าที่พัก 
ประหยัดเวลาในการเดินทางของผู้อบรม
.

ข้อเสียของออนไลน์(จากประสบการณ์ที่เจอมา) คือ

 -> ความไม่แน่นอนของสัญญาณอินเตอร์เนต
ทั้งฝั่งคนสอนและคนเรียน

->  ความตั้งใจ การมีส่วนร่วมของผู้เรียน
เรื่องหลังไม่ห่วงเพราะเราได้ออกแบบ
การสอนออนไลน์ให้เหมือนออฟไลน์
มีเทคนิคที่จะสามารถให้คนอยู่กับเรา
ได้ทั้งวันทางออนไลน์
แต่เรื่องแรกบางครั้งมันเกินจะควบคุม
ต่อให้วางแผนมาดี บางทีอยู่ๆสัญญาณขาดก็มี
แต่ก็ต้องเตรียมแผนสำรอง แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป
.
.

 ข้อดีของการจัดแบบออฟไลน์ 

 -> ได้เจอกันทั้งตัว มีการสัมผัสกันได้
ทำกิจกรรมได้หลากหลายกว่า
บางกิจกรรมก็เหมาะสำหรับออฟไลน์มากกว่า
เห็นเลยว่าผู้เรียนคนไหนสนใจหรือไม่สนใจ
เพราะไม่มีใครปิดกล้อง ปิดหน้าตนเองตอนอยู่ในห้องได้
.

 ข้อเสียของการจัดแบบออฟไลน์คือ

 -> ต้องเสียเวลาเดินทางหากผู้เรียนอยู่กันคนละที่
หากอยู่ต่างจังหวัด ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางด้วย
เช่น อบรม 1 วันแต่อาจต้องเดินทางอีก 1 วัน
หากไม่ได้จัดที่บริษัท อาจต้องมีค่าโรงแรม
ค่าเบรก ค่าอาหาร ประมาณนี้ค่ะ
.
ยุคนี้ต้องยอมรับว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
สิ่งไหนที่เราปรับได้ ก็ให้รีบทำ
สิ่งไหนที่มันนอกเหนือการควบคุม 
ก็อาจจะไว้อันดับท้ายๆ หรือเผื่อใจเอาไว้
.
โลกใบนี้อาจจะไม่มีอะไรดีกว่าอะไร
อยู่ที่เราเลือกและให้ความสำคัญ
กับเรื่องไหนมากกว่า
และอยากได้ผลลัพธ์หน้าตาแบบไหน 
สิ่งนั้นก็จะเหมาะกับเรา 
องค์กรเรามากกว่ากันค่ะ

.
#VirtualOnlineClass
#CofacilitateOnline
#OnlinetoOffline
#OfflinetoOnline
#EnergizedTrainer